สงครามน่านฟ้าเดือด หลังรัสเซีย-ยูเครนส่งโดรนต่อสู้กัน

วินาทีที่โดรนพลีชีพถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสกัดไว้ได้ในพื้นที่ทางตะวันตกของกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ผลจากการยิงสกัดโดรนดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้และกลุ่มควัน จนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเห็นและรับรู้ได้ถึงการระเบิด

หลังเกิดเหตุทางการรัสเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าได้ยิงสกัดโดรนที่ยูเครนส่งเข้ามาโจมตีได้ ทั้งนี้ ทางการรัสเซียไม่ได้ระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหรือไม่

"ปูติน" ยกระดับการป้องกันภัยทางอากาศ หลังมอสโกถูกโดรนโจมตี

สื่อเยอรมนี อ้าง "รัสเซีย" ซื้อโดรนพลีชีพจากบริษัทจีน

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์โจมตีไม่กี่ชั่วโมง ทางการรัสเซียได้ตัดสินใจปิดสนามบินวนูโควาและสนามบินคาลูกา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 150 กิโลเมตร เนื่องจากพบว่ามีโดรนปริศนาบินเข้ามาในน่านฟ้า

ขณะเดียวกัน ทางการยูเครนก็รายงานว่ารัสเซียได้ส่งโดรนพลีชีพเข้ามาโจมตีกรุงเคียฟรวมถึงยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเข้าโจมตีแคว้นเคียฟในช่วงเช้าเช่นเดียวกัน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนยิงสกัดไว้ได้ อย่างไรก็ดี วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟรายงานว่า เศษซากของขีปนาวุธที่ถูกสกัดได้ไปตกในพื้นที่โรงพยาบาลเด็ก เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นอกจากการโจมตีใส่เมืองหลวงของยูเครนแล้ว รัสเซียได้โจมตีเพิ่มอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะแนวรบทางตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณเมืองคูเปียนสก์ รวมถึงแนวรบด้านตะวันออกเฉียงใต้บริเวณแคว้นซาโปริซเซีย เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางการยูเครนรานงานว่ารัสเซียได้โจมตีพื้นที่ต่างๆ ในแคว้นซาโปริซเซียอย่างหนักด้วยการยิงปืนใหญ่และขีปนาวุธ

ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมไรคาร์ทซ์ในแคว้นซาโปริซเซีย หลังถูกขีปนาวุธของรัสเซียโจมตีในช่วงเวลาหนึ่งทุ่มของเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผลจากการโจมตีและแรงระเบิดทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งอาคาร รถยนต์และทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

ยูรี มาลัชโค หัวหน้าหน่วยทหารประจำแคว้นซาโปริซเซียระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 16 คน โดยในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวมีเด็กรวมอยู่ด้วยถึง 4 คน หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์การโจมตีครั้งนี้เล่าว่า เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นรุนแรงมากและเกิดขึ้นในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่

การโจมตีโรงแรมแห่งนี้ของรัสเซีย ได้รับเสียงประณามจากหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ของพลเรือนไม่ใช่พื้นที่ทางการทหาร

เดนิส บราวน์ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติประจำยูเครน ระบุว่า เธอตกใจอย่างมากหลังได้รับข่าวว่ารัสเซียโจมตีโรงแรมแห่งนี้ เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้มักถูกใช้เป็นฐานในการปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมของเจ้าหน้าที่ยูเอ็น

ที่ผ่านมา โรงแรมแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางของสหประชาชาติเพื่อทำปฏิบัติการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานเหล็ก

 สงครามน่านฟ้าเดือด หลังรัสเซีย-ยูเครนส่งโดรนต่อสู้กัน

อาซอฟสตอล เมืองมาริอูปอล ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหนักเมื่อช่วงกลางปี 2022 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ ผู้ประสานงานของยูเอ็นรายนี้ได้ประณามการกระทำของรัสเซีย พร้อมกับเรียกร้องให้รัสเซียปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และหยุดโจมตียูเครนแบบไม่เลือกปฏิบัติ

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของยูเครนรายงานว่า โรงแรมแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของค่ายวันเด็ก ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นกิจกรรมประจำวันไปเพียงหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธดังกล่าว

นอกจากการโจมตีในพื้นที่แคว้นซาโปริซเซียแล้ว ตอนนี้อีกพื้นที่หนึ่งที่มีการปะทะหรือโจมตีอย่างหนัก คือ แคว้นคาร์คีฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน โดยตอนนี้รัสเซียระบุสามารถยึดพื้นที่บางจุดได้สำเร็จ

ด้าน พลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า หน่วยจู่โจมของรัสเซียในบริเวณพื้นที่ใกล้เมืองคูเปียนสก์สามารถยึดพื้นที่บางส่วนของยูเครนได้สำเร็จ

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับประกาศของหน่วยงานประจำแคว้นคาร์คีฟของยูเครน โดยเมื่อวานนี้ทางการแคว้นคาร์คีฟได้ออกประกาศขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบางพื้นที่ของเขตคูเปียนสก์อพยพออกนอกพื้นที่ เนื่องจากรัสเซียได้ยิงปืนใหญ่โจมตีอย่างหนัก

การประกาศความคืบหน้ายึดเมืองคูเปียนสก์ของรัสเซียเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การรบโต้กลับของยูเครนที่หลายฝ่ายคาดหวัง เป็นไปอย่างยากลำบากและล่าช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหนึ่งที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้การรบในยูเครนเป็นไปอย่างล่าช้า คือ อาวุธต่างๆ โดยผู้นำโปแลนด์ หนึ่งในพันธมิตรที่เหนียวแน่นของยูเครนก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

สำนักข่าวเดอะวอชิงตันโพสต์ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษของอันด์แชย์ ดูดา ประธานาธิบดีโปแลนด์ ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา

ในบทสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้นำโปแลนด์หลายประเด็น แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจมากที่สุดคือเรื่องการส่งอาวุธให้ยูเครน โดยนักข่าวของเดอะวอชิงตันโพสต์ได้ถามผู้นำโปแลนด์ว่า

“โปแลนด์จะสามารถต่อสู้กับการปฏิบัติการทางอาวุธร่วมโดยปราศจากอาวุธระยะไกลและปราศจากกำลังทางอากาศได้หรือไม่ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ชาติตะวันตกบังคับให้ยูเครนทำอยู่ในสนามรบเวลานี้” คำตอบของผู้นำโปแลนด์คือ “ตอนนี้ยูเครนได้รับปืนใหญ่หรือจรวดพิสัยไกลแล้ว อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้ยูเครนมีขีดความสามารถทางทหารที่ทันสมัยกว่ารัสเซียมาก

แต่คำถามคือ ยูเครนมีอาวุธเพียงพอที่จะเปลี่ยนความสมดุลของสงครามและได้เปรียบหรือไม่ และคำตอบก็คือไม่ ยูเครนอาจมีอาวุธไม่เพียงพอ และเรารู้เรื่องนี้จากข้อเท็จจริงที่ว่าตอนนี้ยูเครนไม่สามารถตอบโต้กองทัพรัสเซียเพื่อชนะขนาด สรุปสั้นๆ คือ ยูเครนต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับประเด็นการให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธที่จำเป็นโดยเฉพาะจรวดพิสัยไกล ตอนนี้ยูเครนได้รับอาวุธประเภทนี้จากสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส คือ ขีปนาวุธสตอร์ม แชโดว์และขีปนาวุธสกัลป์

อย่างไรก็ดี ยูเครนระบุว่ายังคงต้องการขีปนาวุธพิสัยไกลเช่นนี้อีกจากชาติพันธมิตรตะวันตก โดยเฉพาะระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีกองทัพบก หรือ ATACMS จากสหรัฐฯ และขีปนาวุธทอรัสจากเยอรมนี สาเหตุที่ยูเครนต้องการขีปนาวุธสองชนิดนี้เพราะมีพิสัยไกลมาก สามารถยิงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารสำคัญของรัสเซียได้ โดยขีปนาวุธ ATACMS มีพิสัยทำการไกล 300 กิโลเมตร ส่วนขีปนาวุธทอรัสมีพิสัยทำการไกลมากกว่า 500 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้ ทั้งสหรัฐฯ และเยอรมนีประกาศยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ส่งขีปนาวุธทั้งสองชนิดนี้ให้ยูเครน โดยเยอรมนีระบุว่ายูเครนยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธชนิดนี้ ขณะที่สหรัฐฯ ให้เหตุผลว่ามีอาวุธ ATACMS ในคลังอยู่ในปริมาณที่จำกัด

ล่าสุดสื่อเยอรมัน เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการตัดสินใจส่งขีปนาวุธพิสัยไกลไปให้ยูเครนออกมา

สำนักข่าวที-ออนไลน์รายงานว่า รัฐบาลกลางของเยอรมนีอาจเร่งตัดสินใจประเด็นดังกล่าวในไม่ช้านี้ เนื่องจากเผชิญกับแรงกดดันจากหลายทิศทางให้ส่งอาวุธพิสัยไกลไปยังยูเครน โดยแรงกดดันดังกล่าวมาจากทั้งสมาชิกรัฐสภาที่เป็นฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวที-ออนไลน์อ้างข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดของพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี หรือพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลช์ ที่ระบุว่า รัฐบาลกลางตั้งใจที่จะประกาศการส่งมอบจรวดทอรัสไปยังยูเครนในเร็วๆ นี้ และในเวลานี้กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีกำลังหารือเรื่องการส่งทอรัสร่วมกับพันธมิตรที่สำคัญอย่างสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สำนักข่าวเยอรมันยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าทางกองทัพอากาศเยอรมนีเปิดไฟเขียวให้ส่งขีปนาวุธทอรัสให้ยูเครนแล้ว

ด้านสำนักนายกฯ เยอรมนีได้ขอให้กระทรวงกลาโหมส่งแผนแม่บทเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกลดังกล่าวให้ ซึ่งแผนแม่บทจะรวมข้อมูลเกี่ยวกับความพร้อมของกองทัพอากาศเยอรมนี ความเสี่ยงและประสิทธิภาพของขีปนาวุธทอรัสเอาไว้

จากข่าวที่ออกมา ทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ยูเครนอาจได้รับขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลจากทั้งสองชาติพร้อมกันในอีกไม่ช้านี้ ซึ่งอาจทำให้ยูเครนสามารถสร้างความคืบหน้าในสนามรบได้มากขึ้นกว่าตอนนี้